ในยุคนี้ไม่มีใคร ไม่รู้จักออร์แกนิกเพราะกระแสค่อนข้างเฟมัส ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่เป็นออร์แกนิก , การใช้ชีวิตที่ออร์แกนิก รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออร์แกนิก กระแสออร์แกนิกนั้นเริ่มเป็นที่นิยมมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2000 เป็นต้นมา แต่พึ่งแพร่หลายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่างทางสิ่งแวดล้อมและสังคม ก่อให้เกิดความเป็นพิษ ดังนั้นคนจึงหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิก หวังช่วยลดสารพิษที่สะสมในชีวิตประจำวัน

ออร์แกนิกเป็นแค่กระแส หรือ ทางรอด

          จากการวิเคราะห์พฤติกรรมคนในปัจจุบัน ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระแสนั้นเป็นส่วนหนึ่งทำให้คนตื่นตัว ตระหนักในเรื่องสุขภาพ และความงาม ทำให้ใส่ใจในการเลือกใช้ของที่ปลอดภัยมากขึ้น มากกว่าการเป็นกระแสคือทางรอดของชีวิต กล่าวคือ พอคนตระหนักรู้ถึงข้อดี-ข้อเสียของสารเคมีและออร์แกนิกแล้วนั้น ตามมาซึ่งพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไปเพื่อ สุขภาพ ร่างกาย ความงาม และคุณภาพที่ชีวิตที่ยั่งยืนขึ้น

กระแสออร์แกนิกมีอะไรบ้างมาทบทวนกัน

1. อาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิก เป็นกลุ่มที่นิยมและเติบโตเร็วที่สุด อาทิ ผักและผลไม้ คนอยากกินของปลอดสารเคมี ไร้ยาฆ่าแมลง เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ใช้ฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ หรืออาหาร GMOs

2. ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ออร์แกนิกนั้นไม่ได้มีแค่เพี่ยงเรื่องการบริโภค แต่รวมถึงของอุปโภคด้วย อาทิ ไอเทมดูแลผิวพรรณและเส้นผม การเลือกใช้สบู่ แชมพู โลชั่น เครื่องสำอางที่มาจากธรรมชาตินั้นเป็นการเลี่ยงสารเคมีได้เป็นอย่างดี เพราะผิวหนังสามารถดูดซึมสารเคมีเข้าสู่ร่างกายได้ รวมไปถึง พ่อแม่ยุคใหม่เลือกของที่อ่อนโยนและปลอดภัยให้ลูก เช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ เสื้อผ้า เพื่อความปลอดภัยของลูก

3. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและของใช้ในบ้านออร์แกนิก แนวคิดออร์แกนิกขยายมาถึง ไอเทมที่ใช้ในการดูแลบ้านโดยตระหนักด้านความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  อาทิ น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า ที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเคมีสังเคราะห์ หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ ก็ช่วยลดการสัมผัส ลดการระคายเคืองและการสะสมในร่างกายได้

4. อาหารสัตว์เลี้ยงออร์แกนิก เจ้าของสัตว์เลี้ยงก็ใส่ใจสุขภาพเพื่อนซี้สี่ขามากขึ้น เลือกอาหารที่ทำจากวัตถุดิบออร์แกนิก เพื่อสุขภาพสัตว์เลื้ยงที่ดีและยั่งยืน

 

ออร์แกนิกเป็นทางเลือก สู่ทางรอด ของการใช้ชีวิต

ออร์แกนิกที่เป็นทางเลือกสู่ทางรอดให้กับเรา แบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลักๆ คือ 

1. ออร์แกนิกกับสุขภาพ คือ ทางรอดของร่างกาย

การเลือกใช้สินค้าออร์แกนิก โดยเฉพาะอาหารนั้นเป็นเหมือนการลงทุนในสุขภาพตัวเองโดยตรง ซึ่งการหลีกเลี่ยงสารเคมีอันตราย 

  • อาหารออร์แกนิกปลูกโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมีสังเคราะห์ หรือสารเร่งการเจริญเติบโต ทำให้ลดความเสี่ยงจากการได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ
  • ได้รับสารอาหารเต็มที่ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกมักจะมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุในปริมาณที่สูงกว่า เนื่องจากดินที่ใช้เพาะปลูกมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า
  • ลดความเสี่ยงโรค การบริโภคอาหารที่สะอาดและเป็นธรรมชาติช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้บางชนิด หรือปัญหาที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่ปลอดภัย ไม่ใช่แค่อาหาร แต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สบู่ แชมพูออร์แกนิก ก็ช่วยลดการสัมผัสสารเคมีอันตรายที่อาจซึมเข้าสู่ผิวหนัง

2. ออร์แกนิกกับสิ่งแวดล้อม คือ ทางรอดของโลกใบนี้

  • รักษาสมดุลธรรมชาติ การทำเกษตรอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมีที่ไปทำลายจุลินทรีย์ในดิน ทำให้ดินยังคงความอุดมสมบูรณ์ และรักษาระบบนิเวศให้ยั่งยืน
  • ลดมลพิษ ไม่มีการปนเปื้อนสารเคมีในแหล่งน้ำและอากาศ ซึ่งช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ
  • ลดการใช้พลังงาน การทำเกษตรอินทรีย์มักใช้พลังงานน้อยกว่าการเกษตรแบบดั้งเดิม เพราะไม่ต้องผลิตปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลงในปริมาณมาก
  • สนับสนุนความยั่งยืน  เป็นการสร้างวงจรการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ทรัพยากรธรรมชาติยังคงอยู่คู่โลกไปนานๆ

3. ออร์แกนิกกับการใช้ชีวิตแบบองค์รวม คือ ทางรอดของจิตใจ

  • ความสบายใจ การรู้ว่าเรากำลังบริโภคหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อโลก ทำให้เกิดความสบายใจและความภาคภูมิใจ
  • เชื่อมโยงกับธรรมชาติ การเรียนรู้เรื่องออร์แกนิกทำให้เราเข้าใจวงจรธรรมชาติมากขึ้น และรู้สึกใกล้ชิดกับสิ่งแวดล้อม
  • สนับสนุนชุมชน การเลือกซื้อสินค้าออร์แกนิกจากเกษตรกรรายย่อย เป็นการช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างความเป็นธรรม

 

ทำไมสกินแคร์ออร์แกนิกจึงนำไปสู่ผิวสวยที่ยั่งยืน?

  • ความปลอดภัย ไร้สารเคมีทำร้ายผิวระยะยาว ด้วยการหลีกเลี่ยงสารเคมีอันตราย เนื่องจากสกินแคร์ทั่วไปมักมีสารเคมีสังเคราะห์ น้ำหอมสังเคราะห์ พาราเบน ซิลิโคน หรือสารกันเสียบางชนิด ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง สะสมในร่างกาย และทำร้ายผิวในระยะยาว เช่น ทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดผื่นแพ้ หรือแม้กระทั่งเร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย
  • ความอ่อนโยนต่อผิว สกินแคร์ออร์แกนิกเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติที่ปลูกแบบออร์แกนิก ทำให้มีโอกาสเกิดการแพ้หรือระคายเคืองน้อยกว่า เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายและผิวบอบบาง
  • การบำรุงล้ำลึกจากพลังธรรมชาติ สารอาหารจากธรรมชาติ พืชพรรณที่ปลูกแบบออร์แกนิกมักมีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวตามธรรมชาติในปริมาณที่สูงกว่า
  • เสริมสร้างผิวแข็งแรง ส่วนผสมจากธรรมชาติจะช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซม และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้นจากภายใน ทำให้ผิวสามารถปกป้องตัวเองจากมลภาวะและปัจจัยภายนอกได้ดีขึ้น ซึ่งนำไปสู่ผิวที่มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
  • ผลลัพธ์ที่แท้จริง และยั่งยืน สกินแคร์ออร์แกนิกไม่ได้เน้นการเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใดด้วยสารเคมีรุนแรง แต่เป็นการค่อยๆ ปรับสมดุล ฟื้นฟู และบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อผิวแข็งแรงจากภายใน ความสวยงามก็จะเปล่งประกายออกมาอย่างแท้จริงและคงทน ลดการอุดตันและปัญหาผิวอื่นๆ ที่เกิดจากการสะสมของสารเคมี

แนวทางในการเลือกใช้สกินแคร์ออร์แกนิก

มองหาส่วนผสมจากธรรมชาติและตรารับรองที่น่าเชื่อถือ

ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกแท้ควรมีส่วนผสมจากธรรมชาติเกือบทั้งหมด ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่าอย่างน้อย 95% เป็นส่วนผสมออร์แกนิก เราควรสังเกตตรารับรองออร์แกนิกจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น USDA Organic, Ecocert, Soil Association, หรือ COSMOS Organic ตรารับรองเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด อย่าลืมอ่านฉลากอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบ Ingredient List และเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมออร์แกนิก

หลีกเลี่ยงสารเคมีอันตรายที่พบบ่อย

สกินแคร์ทั่วไปมักมีสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือสะสมในร่างกาย การเลือกใช้สกินแคร์ออร์แกนิกจึงควรหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้

  • พาราเบน (Paraben): สารกันเสียที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • น้ำหอมสังเคราะห์ (Synthetic Fragrance/Perfume): อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย
  • แอลกอฮอล์ (Alcohol): โดยเฉพาะ Alcohol Denat. อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
  • สารกลุ่มซัลเฟต (SLS/SLES): สารที่ทำให้เกิดฟอง อาจทำให้ผิวแห้งตึง
  • สารสังเคราะห์อื่นๆ: เช่น สีสังเคราะห์, ซิลิโคน (Silicones), ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde), สารปรอท, ไฮโดรควิโนน และสเตียรอยด์

เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

การรู้จักสภาพผิวตัวเองจะช่วยให้เลือกส่วนผสมที่เหมาะสม และได้ผลลัพธ์ที่ดี

  • ผิวแห้ง/แพ้ง่าย มองหาส่วนผสมที่เน้นการให้ความชุ่มชื้นสูงและอ่อนโยน เช่น เชียบัตเตอร์ (Shea Butter), น้ำมันโจโจบา (Jojoba Oil), ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera), คาเลนดูลา (Calendula) หรือ ลาเวนเดอร์ (Lavender)
  • ผิวมัน/เป็นสิว เลือกส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันและลดการอักเสบ เช่น ทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil), สารสกัดชาเขียว (Green Tea Extract) หรือ ว่านหางจระเข้
  • ผิวผสม เหมาะกับสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันที่เบาบาง เช่น น้ำมันโจโจบา หรือ น้ำมันดอกทานตะวัน

ทดลองใช้ทีละตัวอย่างระมัดระวัง

หากเราเพิ่งเริ่มเปลี่ยนมาใช้สกินแคร์ออร์แกนิก หรือกำลังลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรทดลองใช้ทีละตัว เพื่อสังเกตการตอบสนองของผิว หากเกิดอาการแพ้จะได้ทราบทันทีว่ามาจากผลิตภัณฑ์ตัวไหน

พิจารณาเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

แบรนด์ออร์แกนิกหลายแห่งมักใส่ใจเรื่องความยั่งยืน ดังนั้น การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ หรือทำจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์

ศึกษาข้อมูลแบรนด์อย่างละเอียด

ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ แหล่งที่มาของวัตถุดิบ และกระบวนการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นออร์แกนิกอย่างแท้จริงและตรงตามความต้องการของคุณ

 

          จากทางเลือกสู่ทางรอด เห็นได้ว่าเมื่อชีวิตเราเลือกได้ ทำไมเราจะไม่เลือกสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง การที่เริ่มต้นห่างไกลจากสารเคมีอันตรายแล้วเป็นข้อได้เปรียบของการใช้ชีวิต ในทุกๆแง่มุม คือ ลดการสะสม สุขภาพดี และการมีชีวิตที่ยั่งยืน